ยางอ่อนหรือ แข็งเกินไป ควรเติมลมแบบไหนกันแน่นะ !?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ยางอ่อนหรือ แข็งเกินไปควรเติมลมแบบไหนกันแน่นะ !?

            ในปัจจุบันผู้คนมีการใช้รถยนต์มากขึ้น มีการออกเดินทางมากขึ้นไม่ว่าจะเดินทางออกต่างจังหวัด หรือเดินทางภายในจังหวัดของตน ต่างก็ต้องใช้รถยนต์มากขึ้น ดังนั้นการเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าการเดินทางทุกครั้งจะไม่เกิดอันตรายขึ้น

อีกส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่สำคัญในการรับน้ำหนักของทั้งตัวรถยนต์และยังต้องรับน้ำหนักเมื่อบรรทุกสิ่งของต่างๆ ด้วย นั่นคือ ยางรถยนต์ เพราะฉะนั้น ก่อนออกเดินทางทุกครั้งเราควรที่จะให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสภาพของยางรถยนต์ว่าพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกครั้งเมื่อขับขี่บนท้องถนน อีกทั้งยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างยางอ่อนเกินไป หรือยางแข็งเกินไป เป็นต้น

ยางอ่อนเกินไป

             ข้อดีจะทำให้รู้สึกว่ารถขับแล้วนุ่มนวล แต่ในทางกลับกันยางอ่อนเกินไปจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น รถส่ายเมื่อเจอถนนขรุขระ สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นและรถเสี่ยงต่อการระเบิดของยางสูงเนื่องจากยางจะบิดตัวจนเกิดความร้อน แรงดันในลมยางจะขยายตัวซึ่งอันตรายมาก รถส่าย

ยางแข็งเกินไป

          ประสิทธิภาพการเกาะถนนจะลดน้อยลง จะทำให้รถเกิดแรงสั่นสะเทือนตลอดเวลาขณะขับขี่ และเนื่องจากมีลมอัดแน่นอยู่ภายในปริมาณถ้าผู้ใช้รถมาด้วยอัตราที่เร็วเมื่อเกิดการตกหลุมหรือกระแทกอย่างรุนแรงก็อาจจะทำให้เกิดยางระเบิดขึ้นได้ ส่งผลเสียกับช่วงล่างของรถยนต์ ซึ่งก็อันตรายมากเช่นกัน

 

 

แก้ไขได้อย่างไร 

          สิ่งที่สำคัญควรมีการตรวจสอบสภาพของความดันลมภายในยางให้ได้ตามมาตรฐานทุกครั้งก่อนออกเดินทาง หรือควรมีเครื่องวัดลมยางเคลื่อนที่ไว้ประจำรถเพื่อใช้วัดระหว่างเดินทางเพื่อความสะดวกสบายและสามารถทราบระดับปริมาณลมยางได้ตลอดเวลา  

การเติมแรงดันลมยาง ในปริมาณที่พอเหมาะขึ้นอยู่กับประเภทของรถและขนาดของยาง


– รถเก๋งทั่วไป ความดัน ลมยางประมาณ 30-32 PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)
– สำหรับรถเก๋งขนาดกลาง - ใหญ่ ควรเพิ่มแรงดันล้อหน้าเป็น 33-35 PSI และล้อหลังควรเพิ่มเป็น 37-39 PSI เพื่อรับกับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นมา
– ส่วนรถกระบะควรเติมลมยางมากกว่ารถเก๋งปกติ โดยหากไม่มีสิ่งของบรรทุกควรมีแรงดันอยู่ที่ 36-38 PSI และล้อหลังอยู่ที่ 40-42 PSI หากมีน้ำหนักบรรทุกด้านท้ายควรเพิ่มลมยางล้อหลังขึ้นเป็น 49-51 PSI เพื่อป้องกันรถยางระเบิดหากขับขี่ด้วยความเร็วสูง 

            อย่างไรก็ตาม ทางที่ดีควรหมั่นเช็คลมยางอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง และสังเกตอาการรั่วซึมอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัย และแน่นอนท่านสามารถเลือกสรรอุปกรณ์วัดลมยางอัตโนมัติได้หลากหลายรุ่นผ่านทาง >>LINK<<<